‘เณรคำ’เตรียมสร้างนิกายใหม่ในอเมริกา

‘เณรคำ’เตรียมสร้างนิกายใหม่ในอเมริกา ขึ้นป้ายรับบริจาคพัฒนาสำนักสงฆ์ : กรุงเทพธุรกิจ & Bizweekรายงาน

            อดีตพระเณรคำที่ยังคงหลบหนีคดี ไปลงหลักปักฐานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยยังคุมแต่งกายและดำเนินชีวิตแบบพระสงฆ์ เปลี่ยนชื่อจากหลวงปู่เณรคำ เป็น "หลวงปู่วิมุติญาณ" จัดตั้งสำนักสงฆ์ที่เมืองซานดิเอโก้ แคลิฟอเนียร์ ชื่อ "วัดป่าขันติบารมี" เตรียมพัฒนาสำนักสงฆ์แห่งนี้ขึ้นเป็นนิกายใหม่ ร่วมกับพระปานขาวจากประเทศฝรั่งเศส ล่าสุดได้มีการขึ้นป้ายรับบริจาคเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก

            ยังคงหลบหนีคดีและตำรวจยังจับกุมไม่ได้นะครับ แต่อดีตพระวิรพล สุขผล หรือที่เรียกตนเองว่า "หลวงปู่เณรคำ" อดีตประธานสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ซึ่งถูกเปิดเผยว่ามีพฤติกรรมอื้อฉาวมากมาย และถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรงถึง 8 กระทง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตหรูหรา (นั่งเครื่องบินส่วนตัว,ใช้สินค้าแบรนด์เนม) ถูกดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงินและหลีกเลี่ยงภาษีรถหรู ข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงและพรากผู้เยาว์ ข้อหาเสพยาเสพติด ข้อหาใช้วุฒิการศึกษาระดับเท็จว่าจบด๊อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก รวมไปถึงพฤติกรรมอวดอุตริ แสดงอภินิหาร (เข้าเฝ้าพระอินทร์) ทำให้คณะสงฆ์ในจังหวัดศรีสะเกษลงมติให้ปาราชิกขาดจากความเป็นพระ

            ตลอด 2 ปีหลังถูกดำเนินคดี นายวีรพลได้หลบหนีไปยังต่างประเทศ และสุดท้ายไปลงหลักปักฐานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยยังคุมแต่งกายและดำเนินชีวิตแบบพระสงฆ์ เปลี่ยนชื่อจากหลวงปู่เณรคำ เป็น "หลวงปู่วิมุติญาณ" จัดตั้งสำนักสงฆ์ที่เมืองซานดิเอโก้ แคลิฟอเนียร์ ชื่อ “วัดป่าขันติบารมี” และล่าสุดได้ให้สัมภาษณ์กับ "จอม เพชรประดับ" ในรายการThai Voicemediaในหลายประเด็นได้แก่

            ยืนยันว่าตนเองได้รับสถานะเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง ได้รับกรีนการ์ดทำให้สามารถใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกาได้อย่างถูกต้อง และเตรียมพัฒนาสำนักสงฆ์แห่งนี้ขึ้นเป็นนิกายใหม่ ร่วมกับพระปานขาวจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นนิกายแยกออกจากคณะสงฆ์ในประเทศไทย โดยจะเปิดอย่างเป็นทางการในปีหน้า และจดทะเบียนในรูปแบบมูลนิธิที่ได้รับการรับรองจากสหรัฐอเมริกา

           ส่วนประเด็นทรัพย์สิน เช่นรถยนต์หรู เครื่องบินเจ็ต หรือเงินสด ที่ก่อนนี้ดีเอสไอได้อายัดไปราว 380 ล้านบาท เณรคำระบุว่าสามารถนำทรัพย์สินส่วนใหญ่ออกนอกประเทศได้ ขณะที่รถหรูส่วนหนึ่งใช้ชื่อคนอื่นถือครองแทน ส่วนเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวยังคงถือครองอยู่ และได้ใช้จ่ายขณะอยู่ในอเมริกาไม่ต่ำกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ & Bizweekรายงาน