รวมสถิติการฆ่าตัวตาย เปิดปม 'ตำรวจไทย' ฮิตฆ่าตัวตาย ปืนคู่กายจ่อขมับ-ดับชีวิต ยอดสถิติพุ่งพรวด!



สถิติเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยฆ่าตัวตายในรอบเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา "สายสืบสวนปราบปราม" ฆ่าตัวตายมากที่สุด ขณะที่ตำรวจภูธรภาค 5 ครองแชมป์อันดับ 1 ยอดตำรวจฆ่าตัวตายสูงสุด พบส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาครอบครัว, กดดันงานในหน้าที่, เรื่องชู้สาว ผู้บังคับบัญชา เผย ควบคุมยาก ไม่สามารถดูแล 24 ชม. ด้าน "หมอแอร์" แนะนำ ผู้บังคับบัญชาควรเอาใจใส่ลูกน้อง ถ้าเครียด ควรพบจิตแพทย์ ทันที 
"ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" อาชีพที่ตั้งอยู่บนแรงกดดัน ทำงานหนัก บีบรัดด้วยกฎระเบียบที่ค่อนข้างเคร่งครัด อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้บังคับบัญชา หน้าที่รับผิดชอบสูง ความเครียดสะสมเพิ่มพูนตามกาลเวลา อีกทั้งการก่อเหตุฆ่าตัวตายคิดขึ้นได้เพียงแค่เสี้ยววินาทีมีอาวุธปืนอยู่ติดตัวตลอดเวลา เห็นภาพเหตุการณ์เสียชีวิตของคดีความต่างๆ จนอาจจะชินตาและคิดไปได้ว่า "เรื่องตาย ง่ายนิดเดียว-ชีวิตจบ ปัญหาจบ" เป็นเหตุให้ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เราจะพบเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เรื่องราวสลดใจของตำรวจฆ่าตัวตายเกิดขึ้นถี่แทบจะทุกเดือน
'กองบรรณาธิการ ไทยรัฐออนไลน์' ได้รวบรวมสถิติการฆ่าตัวตายจากโรงพยาบาลตำรวจ พบว่า ตั้งแต่ต้นปี 2551 เป็นต้นมา ถึงสิ้นปี 2556 มีตำรวจฆ่าตัวตายมากถึง 155 คน ส่วนในปี 2557 ตัวเลขตำรวจฆ่าตัวตายใกล้เคียงกับปี 2556 และตั้งแต่ปี 2558 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2559 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจฆ่าตัวตายถึง 42 คน ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูล ตำรวจที่ฆ่าตัวตายมากที่สุดเป็นตำรวจชั้นประทวน อายุส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 40-52 ปี ขึ้นไป ส่วนตำรวจชั้นสัญญาบัตร ที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายมีอายุระหว่าง 40-52 ปี ขึ้นไป  
"ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" อาชีพที่ตั้งอยู่บนแรงกดดัน
หากตำรวจท่านใดมีความเครียด ควรพบจิตแพทย์ ทันที
สำหรับสายงานที่ฆ่าตัวตายมากสุดคือ "สายสืบสวนปราบปราม" รองลงมาคือ ฝ่ายอำนวยการ และงานด้านจราจร ส่วนของกองบัญชาการที่มีการฆ่าตัวตายมากที่สุด คือ อันดับ 1.ตำรวจภูธรภาค 5, อันดับ 2. ตำรวจภูธรภาค 3 , อันดับ 3. กองบัญชาการตำรวจนครบาล อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ตำรวจ "สายงานสืบสวนปราบปราม" ฆ่าตัวตายมากที่สุด เกิดมาจากหลายสาเหตุ และพบว่าการฆ่าตัวตายของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกิดขึ้นมีสูงกว่าคนทั่วไป 2-3 เท่า นอกจากนี้ยังพบอีกว่า มีสูงมากขึ้นเฉลี่ยปีละ 30 ราย โดยเฉพาะปี 2555 มีสูงถึง 45 ราย  
สาเหตุจากการตัดสินใจฆ่าตัวตายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1.ปัญหาครอบครัว ทั้งเรื่องครอบครัวหรือญาติพี่น้องและชู้สาว จำนวน 54 ราย 2. ปัญหาสุขภาพ 48 นาย ได้แก่ การเจ็บป่วย เช่น โรคมะเร็ง โรคตับ ฯลฯ 3.ปัญหาส่วนตัว 20 นาย 4.ปัญหาหนี้สิน 18 นาย 5.ปัญหาเรื่องงาน 10 นาย ได้แก่ สำนวนค้างมาก งานมากไป งานไม่ถนัด ถูกตำหนิเรื่องงาน และ 6.ไม่ทราบสาเหตุการฆ่าตัวตายอีกจำนวน 22 นาย
สายงานที่ฆ่าตัวตายมากสุดคือ "สายสืบสวนปราบปราม" รองลงมาคือ ฝ่ายอำนวยการ และงานด้านจราจร
"กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์" ขอไล่เรียงเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจฆ่าตัวตายทั่วประเทศ ที่เป็นข่าวดัง ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคม 2559 จนถึงต้นเดือน เมษายน 2559 โดยมีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้
สลดรับปีใหม่! ดาบตำรวจฝีมือดี ปืนจ่อหน้าผากกระสุนทะลุขมับขวาดับ หนีโรคร้าย
เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2559 เวลา 19.30 น. ด.ต.ชาติชาย ต้นยวด อายุ 48 ปี ผบ.หมู่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ใช้ปืนพกสั้น cz 9 มม. จอยิงหน้าผากตัวเอง ทะลุขมับขวา เสียชีวิตคาที่ สอบถามภรรยา ให้การกับทางเจ้าหน้าที่ว่า สามีป่วยด้วยโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเข้ารับการผ่าตัด หลังจากนั้นก็ทำงานไม่ค่อยสะดวกเหมือนเดิม จนเกิดภาวะความเครียด ซึมเศร้า ก่อนเกิดเหตุสามีนอนบนเตียงใช้ผ้าห่มคลุมโปง ตนเองนอนอยู่ข้างๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงปืน และควันลอยขึ้นบนผ้าห่ม เปิดผ้าห่มออกดูก็พบว่าสามีใช้ปืนยิงตัวเองดับ 
ขณะที่ พ.ต.ท.วิริยภาพ วิริยวังพรม สวป.สภ.เมืองหนองคาย ผู้บังคับบัญชาของผู้ตาย เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ผู้ตายเป็นตำรวจฝีมือดี มีผลงานจับกุมคดีสำคัญๆ ต่อเนื่อง เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานทุกคน ผู้บังคับบัญชาก็คอยให้กำลังใจและให้พักผ่อนไม่หักโหมทำงานเหมือนเดิม เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็เสียใจมากที่เสียตำรวจฝีมือดีไป
ผู้กอง วัย 49 ปี จ่อขมับปลิดชีวิต ดับคาที่ไม่ทราบสาเหตุ   
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2559 ร.ต.อ.วิโรจน์ ดอนจักร อายุ 49 ปี พนักงานสอบสวน สภ.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ยิงตัวตายภายในห้องน้ำชั้นล่างของบ้านพัก พบปืนขนาด.357 อยู่ด้านใต้ขา หัวกระสุนปืน ตกอยู่ใกล้โถส้วม จ่อยิงตัวเองเข้าที่ขมับขวา กระสุนกระลุขมับซ้าย เสียชีวิตคาที่ เบื้องต้นไม่ได้รับรายงานว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ฆ่าตัวตาย อีกทั้งไม่มีการให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้นจากคนในครอบครัว 
ร.ต.อ.สน.ทุ่งสองห้อง ยิงตัวตายต่อหน้าลูกเมีย ปมปัญหาถูกผู้กำกับโรงพักกดดัน  
ส่งท้ายปลายเดือนมกราคม เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2559 เวลา 08.45 น. ร.ต.อ.ทวี หมื่นรักษ์ อายุ 32 ปี ตำแหน่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ใช้ปืนขนาด 9 มม. ยิงบริเวณเหนือกกหูข้างขวาทะลุซ้าย เสียชีวิตคาที่นอนจมกองเลือด ภรรยานั่งร่ำไห้กอดศพอยู่ข้างๆ ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเอง พร้อมเปิดเผยว่า ภรรยาและลูกพักอยู่บนแฟลต ขณะที่เห็น ร.ต.อ.ทวี ถือปืนอยู่ในมือ ภรรยาพยายามร้องห้ามไม่ให้ทำยิงตัวตาย แต่กลับได้ยินเสียง ร.ต.อ.ทวี พูดเป็นประโยคสุดท้ายว่า “พ่อลาก่อน” จากนั้นลั่นไกปืนร่วงลงไปนอนกับพื้นต่อหน้าภรรยาและลูกน้อยอีก 2 คน
ขณะเดียวกันภรรยาของ ร.ต.อ.ทวี ยังให้การอีกด้วยว่า สามีของตนเองมีความเครียดเกี่ยวกับเรื่องงานในหน้าที่ ถูกกดดันจากผู้บังคับบัญชาสูงสุดในโรงพัก และไม่สามารถแก้ปัญหา หรือมีทางออกที่ดีไปกว่าการฆ่าตัวตาย เนื่องจากเป็นหนึ่งในคณะพนักงานสอบสวน คดีที่ ศปจร.จับแก๊งรับจำนำรถกระทำผิดกฎหมายจำนวน 204 คัน ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าไอทีสแควร์ แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2558 และในขณะที่ทางผู้บังคับบัญชากำลังสอบถามภรรยาอยู่นั้น ทางภรรยาก็ตอบกลับมาเพียงว่าต้องการพบ พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง 
ที่ผ่านมา ตำรวจ ฆ่าตัวตายเพราะปัญหาภายในครอบครัว ทั้งเรื่องครอบครัวหรือญาติพี่น้องและชู้สาว จำนวน 54 ราย
จ่าสิบตำรวจป่วยโรคซึมเศร้า ยิงหัวตัวเองดับ 
เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 59 จ่าสิบตำรวจไพศาล เจริญสม อายุ 38 ปี ตำแหน่งผู้บังคับ หมู่งานป้องกันและปราบปราม ตำแหน่งผู้บังคับ หมู่งานป้องกันและปราบปราม ประจำสถานีตำรวจภูธรนครหลวง ก่อเหตุฆ่าตัวตายด้วยการใช้ปืนพกประจำกาย ขนาด 9 มม.ยิงศีรษะของตัวเอง 1 นัด เหตุเกิดที่ชั้น 2 บ้านพักตำรวจของโรงพัก ซึ่งเป็นห้องพักของผู้ตาย ทั้งนี้ นางวรรณภา เจริญสม อายุ 38 ปี ภรรยาผู้ตาย ได้กลับมาจากทำงาน เมื่อถึงบ้านพักขึ้นไปชั้น 2 พบว่าสามีฆ่าตัวตายไปแล้ว ส่วนลูกชายวัย 9 ขวบ อยู่ที่ชั้นล่าง แต่ไม่ทราบว่าพ่อฆ่าตัวตาย สาเหตุพบว่าผู้ตาย ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาได้ 2 ปี เข้ารับการรักษาและต้องใช้ยารักษามาโดยตลอดผู้บังคับบัญชาทราบ และได้แนะนำการทำงานและใช้ชีวิตอีกทั้งให้นำปืนไปเก็บที่อื่นให้ห่างกาย แต่ท้ายที่สุดก็มาเกิดเหตุขึ้นครั้งนี้ 

ดาบตำรวจผูกคอตาย หลังทิ้งจดหมายน้อย "รักลูกนะ" 
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 5 มีนาคม 2559 รับแจ้งเหตุตำรวจผูกคอเสียชีวิตในห้องเลขที่ 53/158 ชั้น 8 ถนอมมิตร ปาร์ค คอนโดมิเนียม หรือแฟลตถนอมมิตร แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน ที่เกิดเหตุเป็นแฟลตตำรวจ ที่ชั้น 8 มีกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ในห้องพักแบ่งเป็น 2 ส่วน เป็นห้องรับแขกและห้องนอน ในห้องพบศพ ด.ต.วิชัย ป้อมพิทักษ์ อายุ 41 ปี ผบ.หมู่ งาน4 กก.2บก.จร.ใช้เชือกสายตรวจนกหวีดสีแดง ผูกคอกับราวเหล็กสปริงเกอร์ สภาพเริ่มบวมอืด คาดว่าเสียชีวิตไม่น้อยกว่า 3 วัน
เพื่อนตำรวจข้างห้องให้การว่า ก่อนหน้านี้ ด.ต.วิชัย เคยอาศัยอยู่กับภรรยา และลูกแต่เมื่อ 3 ปีก่อน ภรรยาย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดที่ จ.อุบลราชธานี เนื่องจากทำงานที่นั่นและอยากให้ลูกกลับไปเรียนต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบภรรยาและ ด.ต.วิชัย ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน เพราะแม้จะย้ายไปต่างจังหวัด แต่มักจะเดินทางมาหา ด.ต.วิชัย เสมอ ทั้งนี้ หลังจากภรรยาย้ายไปตนไม่ค่อยได้สุงสิงกับครอบครัว ด.ต.วิชัย มากนัก ไม่ทราบว่ามีเรื่องเครียดอะไรในใจหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.เจริญ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้เสียชีวิตไม่ได้มีเรื่องเครียดกับผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงาน จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นปัญหาส่วนตัว อาจเกิดความน้อยใจครอบครัวที่ย้ายกลับไปอยู่ต่างจังหวัด จากการตรวจสอบในห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด พบเพียงข้อความเขียนลงในกระดาษว่า "รักลูกนะ" จึงให้พนักงานสอบสวนเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐาน
ดาบตำรวจ เป็นมะเร็งกล่องเสียงเจาะคอช่วยหายใจ รับสภาพไม่ไหวยิงตัวตาย 
เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 59 เวลา 09.30 น. ด.ต.สุกิต ต้นกันยา อายุ 60 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระนวน ใช้อาวุธปืนแมกกาซีน K58 ขนาด 9 มม. ซึ่งเป็นปืนคู่กายของผู้ตายเอง ปลิดชีพตัวเอง ขณะที่ภรรยาผู้ตาย เปิดเผยว่า ผู้ตายป่วยเป็นโรคมะเร็งกล่องเสียง มาเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา จนได้ให้อาหารทางสายยาง และเจาะคอเพื่อช่วยหายใจ คงเป็นเพราะความเครียดที่ตัวเองป่วยจึงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ 
ดาบตำรวจ ยิงตัวตายในรถกระบะส่วนตัว หลังส่งแฟนสาวเป็นทหารในค่าย 

วันที่ 7 มีนาคม 2559 ดาบตำรวจวิสุทธิพงษ์ โสตุวิทย์ อายุ 43 ปี เป็นตำรวจอยู่ที่ สภ.อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี ฆ่าตัวตายบนรถยนต์กระบะยี่ห้องนิสสัน นาวาร่า สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ก.ค.4604 เลย จอดอยู่ริมถนน เครื่องยนต์ยังติดอยู่ และเปิดไฟเลี้ยวซ้ายเอาไว้ตลอด ตรวจตามร่างกายมีรอยกระสูนปืนยิงที่ขมับซ้ายทะลุออกขวา ตรวจภายในรถพบอาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่ที่เท้าที่นั่งคนขับ ซึ่งถูกยิงไปแล้ว 1 นัด ที่กระจกรถด้านคนขับพบมีรอยกระสูนปีน และห่างจากรถคันเกิดเหตุพบหัวกระสูน .38 ตกอยู่ 1 ปลอก  
จากการสอบสวนได้ความว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. มีนักกีฬาขี่จักรยานจากทางค่ายศรีสองรักไปที่บ้านปากหมาก ก็เห็นรถคันดังกล่าวจอดอยู่ ขากลับมาก็เห็นรถคันดังกล่าวจอดอยู่โดยเปิดไฟเลี้ยวค้างไว้ นึกว่าคนขับนอนหลับจะเรียกให้ตื่นก็พบเจ้าของรถนอนตะแคงข้าง จึงเรียกให้ตื่น แต่คนในไม่มีการตอบรับจึงโทรเรียก 1669 ให้แจ้งตำรวจทราบ สอบสวนเบื้องต้นดาบตำรวจที่เสียชีวิต มาหาแฟนสาวซึ่งเป็นทหารอยู่ที่ค่ายศรีสองรัก ตอนเช้าวันนี้ได้ไปส่งแฟนที่ค่ายอบรมเนตรนารี แล้วมาฆ่าตัวตายดังกล่าว
'พ.ต.ท.' ยิงตัวดับคาแฟลต สภ.ทุ่งคอก ทิ้ง จม.สั่งเสียครอบครัว 
เมื่อวันที่ 5 เมษายน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บริเวณแฟลตตำรวจ สภ.ทุ่งคอก จ.สุพรรณบุรี  พ.ต.ท.ปัญญาลักษณ์ เปรมปรีดิ์ พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งคอก ใช้ปืนขนาด 9 มม. ยิงตัวตายภายในห้องพัก นอกจากนี้ ภายในห้องพัก พบว่า พ.ต.ท.ปัญญาลักษณ์ ได้เขียนจดหมายทิ้งไว้ ฝากถึงคนในครอบครัว และปัญหาที่ทำให้ต้องตัดสินใจคิดสั้น
สอบสวนภรรยาผู้ตาย เบื้องต้น ทราบว่า พ.ต.ท.ปัญญาลักษณ์ เครียดเรื่องงาน และมีโรคประจำตัว ซึ่งต้องไปรับยาจากโรงพยาบาลมาทานตลอด ก่อนหน้านี้ ภรรยาเคยขอให้ลาออกแล้ว แต่ก็ไม่ทัน มาเกิดเหตุร้ายขึ้นก่อน เจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานว่าอาจเป็นสาเหตุทำให้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้บังคับบัญชาระดับสูง แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่ลูกน้องฆ่าตัวตายบ่อยครั้ง 
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงแนวทางแก้ไขกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจฆ่าตัวตายว่า การฆ่าตัวตายของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเรื่องที่ควบคุมยาก ไม่สามารถดูแลได้ตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากเกิดเหตุการณ์ตำรวจยิงตัวตายได้กำชับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น ดูแลครอบครัว ดูแลบุตรหลาน ให้กำลังใจเพื่อไม่ให้รู้สึกอ้างว้าง ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากความเครียด ทั้งนี้มาตรการในการป้องกันไม่ให้มีข้าราชการตำรวจก่อเหตุฆ่าตัวตายว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีศูนย์ให้คำปรึกษาข้าราชการตำรวจที่มีความเครียด ผ่านสายด่วน 1599 แล้ว พร้อมกำชับสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยงานลงไปดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด
"การดูแลของผู้บังคับบัญชาแต่ละคนไม่สามารถรับรู้ปัญหาของผู้ใต้บังคับบัญชาได้หมด อีกทั้งปัญหาการฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นมีหลายปัจจัย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเกิดจากปัญหาส่วนตัว หรือปัญหาภายในครอบครัว จึงอย่าเหมารวมว่าการฆ่าตัวตายของข้าราชการตำรวจในช่วงเวลาที่ผ่านมา เกิดจากการกดดันในการทำงาน มองว่าจากกรณีที่เกิดขึ้น น่าจะไม่ใช่ปัญหาจากรายรับของข้าราชการตำรวจ เพราะการฆ่าตัวตายสามารถเกิดได้ในทุกสังคม" พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว 
ปัญหาสุขภาพ และปัญหาครอบครัวชู้สาว เป็นเหตุจูงใจทำให้ตำรวจฆ่าตัวตาย
ตำรวจที่ฆ่าตัวตายมากที่สุดเป็นตำรวจชั้นประทวน อายุส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 40-52 ปี ขึ้นไป
ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า สาเหตุการฆ่าตัวตายของข้าราชการตำรวจที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่ง เกิดจากอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับการซึมเศร้าประกอบ เพราะคนทุกคนมีความรักตัวกลัวตาย หากไม่มีการการเจ็บป่วยซึมเศร้าจริง คงไม่เกิดเหตุฆ่าตัวตาย
ด้าน พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การที่ตำรวจฆ่าตัวตายอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมานั้น เชื่อว่าเกิดจากภาวะความกดดันในหน้าที่ และความคาดหวังของสังคม โดยได้มอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาในแต่ละพื้นที่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด และให้ตำรวจจับคู่บัดดี้คอยดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ยังเปิดศูนย์ดูแลและให้คำปรึกษาแก่ตำรวจตั้งแต่สมัยของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ยังคงดำเนินการ
ด้าน พ.ต.ท.(ญ) อัญชุลี ธีรวงศ์ไพศาล แพทย์ประจำแผนกสุขภาพจิต รพ.ตำรวจ ยอมรับว่า ตำรวจทำงานหนักและกฎระเบียบที่ค่อนข้างเคร่งครัด จึงเกิดความเครียดได้ง่าย และก่อเหตุฆ่าตัวตายได้ง่ายเพราะมีอาวุธติดตัวตลอดเวลา การก่อเหตุมักเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ การแก้ปัญหาตำรวจฆ่าตัวตาย ทำได้โดยผู้บังคับบัญชาต้องเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะด้านสุขภาพจิต การดูแลสวัสดิการให้ดีขึ้น และให้แต่ละหน่วยงานดูแลกันและกัน คอยช่วยเหลือให้กำลังใจกัน เพื่อลดความเครียด เพราะตำรวจที่เครียดส่วนใหญ่ไม่กล้าไปพบจิตแพทย์ เพราะกลัวเสียประวัติถึงผู้บังคับบัญชา แต่ทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องควรไปพบแพทย์ทุกครั้งเมื่อเกิดความเครียด เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี.
เหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจฆ่าตัวตายเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
รวมสถิติการฆ่าตัวตาย เปิดปม 'ตำรวจไทย' ฮิตฆ่าตัวตาย ปืนคู่กายจ่อขมับ-ดับชีวิต ยอดสถิติพุ่งพรวด! รวมสถิติการฆ่าตัวตาย เปิดปม 'ตำรวจไทย' ฮิตฆ่าตัวตาย ปืนคู่กายจ่อขมับ-ดับชีวิต ยอดสถิติพุ่งพรวด! Reviewed by Darastation on เมษายน 06, 2559 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น